:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: Elf_Zaa ที่ 08 ตุลาคม 2011, 11:58:38



หัวข้อ: เอามาฝากครับ การตรวจเช็ครถยนต์ ..หลังน้ำท่วม,รถจมน้ำ‏
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Zaa ที่ 08 ตุลาคม 2011, 11:58:38
ตอนนี้เราไปดูกันบ้างว่า  ถ้ารถจมน้ำเข้าให้  ไม่ว่าจะจำใจ  จงใจ ไม่ตั้งใจนั้น  เราควรจะทำอย่างไร?
         อันที่จริงแล้วผมไม่อยากจะเอามาบอกนักนัก? ด้วยว่าไม่อยากให้ใครเที่ยวได้เอารถยนต์ไปหล่นตูมตามลงในน้ำลึก? และไม่ได้อยากเห็นใครมีปัญหาเมื่อรถจอดอยู่กับที่แล้วน้ำไม่รักดีบ่าเข้าไปท่วมรถ? แต่อ่านข่าวที่เดี๋ยวนี้ชัก ไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไร? ด้วยว่ามีแต่เรื่องน่ากลุ้มใจไปหมดไม่ว่าบ้านเราหรือบ้านเมือง? ก็ยังได้พบข่าวน้ำท่วมประปราย? เลยจับเอาอาการแก้ไขหลังน้ำท่วมรถขึ้นมาเล่าสู่กันฟังเสียตรงนี้ล่ะครับ

แรกทีเดียว อย่าพยายามรีบร้อนติดเครื่องยนต์รถที่เพิ่งเอาขึ้นจากน้ำหรือน้ำลดลงไปจากการท่วมมิดเครื่องยนต์เป็นอันขาด? เพราะน้ำที่อัดอยู่ในเครื่องยนต์อาจจะทำให้ก้านสูบกับก้านกระทุ้งวาล์วในกรณีที่เป้นรถโบราณเช่นโฟล์กสวาเกน? เต่าทองนั้น? คดงอได้เลยทีเดียว?
อย่าพ่วงไฟเพื่อติดเครื่องยนต์รถที่ไหม่กว่ารุ่นปี ค.ศ. 1989? หรือ พ.ศ. 2532? ขึ้นมา? ด้วยว่านั้นจะเปิดโอกาสให้แอลเทอร์เนอเตอร์ซึ่งมักจะเรียกกันง่าย ๆ ว่า ไดชาร์จ? และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานาประดามีในรถไหม้เสียหายได้
 
ก่อนที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่? หรือเอาแบทเตอรี่ไปอัดไฟให้เต็มอีกทีแล้วเอามาใช้? หรือพูดให้ชัดก็ได้ว่า? ต่อขั้วแบตเตอรี่เข้ากับรถอีกครั้งหลังจากพ้นน้ำแล้วนี่? ปลดฟิวส์ของระบบถุงลมนิรภัยเพื่อไม่ให้ทำงานขึ้นมาได้ในระยะแรกนี้ก่อน? ด้วยว่าถ้าวงจรไฟฟ้าในระบบถุงลมนิรภัยเกิดลงดินหรือชอร์ตกันได้แล้วล่ะก็? ถุงลมระเบิดตูมแบบว่าทำงานให้ใช้ได้ขึ้นมาเฉย ๆ เสียของไปเปล่าๆ หลายหมื่นทีเดียวนะครับ
 
ปกติเมื่อรู้ว่ารถจะจมน้ำ? เราก็ควรถอดสายไฟยกแบตเตอรี่ขึ้นที่สูงบนบ้านบนเรือนก่อน? ถ้าทำไม่ทันแบตเตอรี่จมน้ำอยู่ก็จะหมดไฟไปก่อนที่จะเข้าทำให้เกิดกระแสลัดวงจรทที่เสียหายเพราะน้ำได้? แต่เมื่อน้ำแห้งแล้ววงจรอาจจะลงดินอยู่? มีกระแสเข้าไปเมื่อไรลัดวงจรเมื่อนั้น? จึงควรรีบถอดสายแบตเตอรี่ออกทันทีที่รถพ้นน้ำ? ถ้าไม่ได้เอาแบตเตอรี่ออกไปเสียก่อน? โดยเฉพาะรถที่ตกน้ำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจนั่น
 
ทีนี้? เมื่อปล่อยให้วงจรอุปกรณ์หลายอย่างแห้งแล้ว? ก็ปลดฟิวส์ของวงจรที่มั่นใจได้ออกเสียก่อน? เช่นวงจรถุงลมนิรภัยเป็นต้น
 
ตรวจรถยนต์ที่เพิ่งพ้นน้ำของคุณให้ถี่ถ้วน? ถ้าพบน้ำในที่เขี่ยบุหรี่? ก็เชื่อเอาไว้ก่อนว่า? น้ำคงเข้าไปถึงระบบไฟฟ้าบนหน้าปัด? เช่น? มาตรมัดต่าง ๆ และสวิตช์ได้??? และดดยที่วงจรเหล่านี้มักจะทำเป้นแผงจึงสามารถทำความสะอาดและแห้งเอามาใช้ได้ใหม่อีก? แต่ตามที่ปรากฏกันมาก็คือคุณมักจะพบปัญหาของวงจรในการใช้งานต่อไปภายหน้า? และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จมน้ำหรือเปียกน้ำนี้? อายุการใช้งานหลังจากนั้นจะค่อนไปทางข้างสั้น
 
อย่าไปหวังอะไรให้มากนักเลยครับ? นอกเสียจากจะเปลี่ยนกันใหม่หมด? แพงอีกใช่ไหมล่ะ
 
เกียร์อัตโนมัติกับทอรืกคอนเวิร์ตเตอร์? ต้องได้รับการล้างเอาน้ำมั่นและน้ำออกให้หมด? เช่นเดียวกับเฟืองท้าย? หรือส่วนมากในตอนนี้จะไปอยู่ข้างหน้าแล้ว? กับพวกทรานสเฟอร์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ? ด้วยว่าทั้งสองอย่างนี้มีรูระบายอากาศน้ำจึงเข้าไปทางนั้นได้? ก็ต้องทำอย่างเดียวกับเกียร์อัตโนมัติ
 
เพลาขับที่ยางหุ้มเพลาขาด? น้ำจะเข้าไปนำเอาจารบีออกไป? ต้องอัดจารบีใหม่และเปลี่ยนยางหุ้มเพลาด้วย
 
อีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้? เมื่อตรวจเกี่ยวกับระบบส่งกำลังนี่คือ ลูกปืนล้อทั้งหน้าและหลังที่มีอยู่ในรถทั่วไป?? ต้องนำออกมาล้างอัดจารบีใหม่? ใส่กลับคืนที่ด้วยการปรับใหม่ให้แน่นตามลำดับไม่แน่นเกินไปจนล้อหมุนฝืด
 
ล้างและเปลี่ยนน้ำระบายความร้อน? เอาโคลนเลนที่ติดอยู่ตามรังผึ้งหม้อน้ำออกให้หมด? ใส่น้ำยาลดความร้อน? หล่อลื่น? และรักษาโลหะลงผสมในน้ำระบายความร้อนใหม่อีกครั้งให้ได้ตามลำดับที่กำหนด
 
การกำหนดอัตราส่วนผสมน้ำยากับน้ำในระบบระบายความร้อนนี้ที่กระป๋องหรือขวดน้ำยาจะมีบอกชัดเจน? ถ้าเป็นฟอร์ดก็จะมีป้ายบอกไว้ที่ระบบหรือหม้อน้ำสำรอง? โดยให้ใช้น้ำยาของฟอร์ด? 50 %? กับน้ำสะอาด? 50 %?? เป็นต้น
 
การใช้น้ำยาสีเขียว? ราคาประหยัด? ใส่เพียงกระป๋องเดียวหกเจ็หดสิบบาทนั่น? ช่วยอะไรทางด้านการลดความร้อนและการสึกกร่อนของอะลูมิเนียมผสมในเครื่องยนต์ไม่ได้หรอกครับ? เรื่องแบบนี้ไม่ควรประหยัดเพราะจะเป็นการเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย? เมื่อถึงเวลาต้องซ่อมเครื่องยนต์ด้วยค่าใช้จ่ายหลาย ๆ หมื่นบาท
 
อย่างน้อยก็ต้องล้างทำความสะอาดภายนอกของระบบห้ามล้อเปลี่ยนน้ำมันเบรก? และหากแช่น้ำอยู่นานก็อาจจะต้องถึงขนาดซ่อมใหญ่เบรกทั้งระบบกันเลยก็ว่าได้? ตรงนี้ไม่ต้องถึงรถจมน้ำทั้งคันหรอกครับ? แค่แช่อยู่ทั้งวันลึกท่วมล้อเท่านั้นก็ได้เรื่องแล้ว
 
รถกระบะหนึ่งตันที่ชอบลุยน้ำลึก? เพราะเห็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล ไม่มีระบบไฟฟ้าจุดระเบิด? ไม่ต้องกลัวน้ำเข้าระบบไฟฟ้าแล้วเครื่องดับนั้น? ถ้าน้ำเข้าเครื่องก็เสร็จเหมือนกัน? หนักกว่ารถเบนซินด้วยซ้ำไป??? และเมื่อลุยน้ำลึกมากบ่อยเข้า? น้ำก็เข้าไปในระบบห้ามล้อจนเกิดนิม? และน้ำมันเบรกเน่าเสียไปจนห้ามล้อไม่อยู่ได้นะครับ? อย่าทำเป็นล่นไป
 
อันตรายไม่ได้น้อยก่าเขาอื่นหรอก? ถึงจะขับพ้นตรงที่น้ำท่วมได้ด้วยความเร็วจนน้ำกระจายเป็นปีกไปสาดรถอื่นเขาได้สนุกดีนั่นน่ะ??? เผลอ ๆ เป็นไข้สารตะกั่วเอาแถวนั้นเลยก็ยังเคยมี
 
ของที่จมน้ำแล้วอาจจะต้องถึงกับเปลี่ยนเลยทีเดียวก็คือสตาร์ตเตอร์? เพราะน้ำเข้าไปนี่ฝรั่งบอกว่าซ่อมยากเสียเวลา? แต่บ้านเราคงเอาไปให้ช่างไฟฟ้าตามร้านทั่วไปล้างทำความสะอาด? ตรวจเช็กและปรับสภาพใช้ใหม่ได้? ไม่ต้องกับถึงกับต้องเปลี่ยนใหม่? แต่ต้องเอาออกมาทำแน่นอนถ้าจมน้ำครับ
 
มาถึงตรงนี้? ที่หนักอีกอย่างคงจะเป็นพวกมอเตอร์ไฟฟ้าของกระจกไฟฟ้า? ที่นั่งปรับไฟฟ้า? และเสาอากาศไฟฟ้า? ตรงนี้อาจถึงกับต้องเปลี่ยนเพราะซ่อมยากไปก็ได้ครับ? หลายสตางค์อยู่เหมือนกัน? เพราะฉนั้นอย่าเที่ยวได้ขับรถลงไปแช่น้ำเล่น? ไม่สนุกเลยเมื่อขึ้นมาได้
 
หมดพวกราคาแพงและเป้นปัญหาได้มาก? ก็ถึงส่วนที่มีปัญหาได้ในระดับรองลงมา? จะเปลี่ยนหรือซ่อมก็ต้องตรวจสภาพกันดูทุกส่วน? อย่าวางใจละเว้นละเป็นดี
 
เริ่มที่แผ่นคลัตช์? จานคลัตช์? ลูกปืนคลัตช์? บางทีพอน้ำแห้งอาจจะทำท่าว่าใช้งานได้เหมือนเดิม? ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เท่าไรนัก? ใช้ไปไม่เท่าไรมักจะมีเสียง? และเริ่มแสดงอาการของปัญหาเกียร์เข้ายากขึ้นมาให้พบได้เสมอ
 
แร็กพวงมาลัย? โดยเฉพาะพวกของพาวเวอร์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งทที่ต้องตรวจเช็ก? แม้จะเป็นความเป็นไปได้ที่จะเสียหายเป็นรองของที่บอกมาแล้วในตอนต้น? ก็มีโอกาสเสียหายได้? รวมทั้งช็กอัพตัวยาวตัวสั้นที่ใช้มานานก่อนหน้ารถจมน้ำ? ชีลกันน้ำหลวมแล้ว? น้ำเข้าได้นะครับ? ควรเปลี่ยนถ้าพบความผิดปกติหรือไม่น่าไว้วางใจ
 
รีเลย์? เซ็นเซอร์ต่าง ๆ สวิตช์ไฟ? และกล่องฟิวส์ก็ต้องได้รับการตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเสียหาย?? ยังทำงานได้ดี? โดยเฉพาะกล่องฟิวส์ต้องลงดินได้ดีเช่นเดิมถ้าเกิดมีการจมน้ำอยู่ระยะหนึ่ง? เอาแค่วันเดียวหรือหลายชั่วโมงก็ไม่ดีแล้วนะครับ
 
จานจ่ายนี่ก็ตัวดี? ถ้าเป็นแบบใช้ทองขาวยังไม่เท่าไร?? แต่เบรกทรานซิสเตอร์ขึ้นมานี่? บางทีถึงต้องเปลี่ยนกันเลยทีเดียว? เพราะต่อไปมักทำให้เครื่องยนต์สั่นโดยไม่ทันนึกว่ามาจากตัวนี้ได้
 
แผงวงจรที่ผมว่าไว้ตอนแรกนั้น? พอจะล้างได้ด้วยน้ำซึ่งทำการ DEIONIZED?? จากนั้นก็เอาไปอบที่ความร้อน? 120? องศาฟาเรนไฮต์สัก? 30? นาที? แล้วพ่นด้วยสเปรย์แล็กเกอร์เคลียร์ก่อนจะนำมาใช้ใหม่? ซึ่งก็ยังไม่แน่นักว่าจะทนทานต่อไปได้สักเพียงไร? โชคดีก็รอดตัว
 
คลัตช์ของแอร์คอมเพรสเซอร์ควรได้รับการตรวจเช็กว่าใช้การได้หรือไม่
 
ดวงไฟฟ้าหน้ารถก็อย่ามองข้าม? น้ำอาจจะเข้าไปค้างอยู่? เอาออกเสียให้หมดก่อนที่จานจ่ายจะกลับบ้านเก่าเพราะน้ำทำเหตุ


ที่มา  http://www.nakhongarage.com (https://www.welovecivic.com/go.php?url=http://www.nakhongarage.com) (https://www.welovecivic.com/image/link.png)

และ   http://v2.one2car.com/Car2Care (https://www.welovecivic.com/go.php?url=http://v2.one2car.com/Car2Care) (https://www.welovecivic.com/image/link.png)

การแก้ปัญหา... หลังน้ำท่วมรถ

ผู้เขียน                    ธเนศร์  เสนีวงศ์  ณ อยุธยา

หนังสือ                  กลับให้ได้  ไปให้ถึง

สำนักพิมพ์             บริษัทพิฆเณศ  พริ้นท์ติ้ง  เซ็นเตอร์  จำกัด

พิมพ์ครั้งที่             8  เมษายน  2543

หน้า                        238-243

                 ตอนนี้เราไปดูกันบ้างว่า  ถ้ารถจมน้ำเข้าให้  ไม่ว่าจะจำใจ  จงใจ  ไม่ตั้งใจนั้น  เราควรจะทำอย่างไร
       
                อันที่จริงแล้วผมไม่อยากเขียนนัก  ด้วยว่าไม่อยากให้ใครเที่ยวได้เอารถยนต์ไปหล่นตูมตามลงในน้ำลึก  และไม่ได้อยากเห็นใครมีปัญหาเมื่อรถจอดอยู่กับที่แล้วน้ำไม่รักดีบ่าเข้าไปท่วมรถ  แต่อ่านข่าวที่เดี๋ยวนี้ชัก ไม่ค่อยอยากอ่านเท่าไร  ด้วยว่ามีแต่เรื่องน่ากลุ้มใจไปหมดไม่ว่าบ้านเราหรือบ้านเมือง  ก็ยังได้พบข่าวน้ำท่วมประปราย  เลยจับเอาอาการแก้ไขหลังน้ำท่วมรถขึ้นมาเล่าสู่กันฟังเสียตรงนี้ล่ะครับ

                แรกทีเดียว  อย่าพยายามรีบร้อนติดเครื่องยนต์รถที่เพิ่งเอาขึ้นจากน้ำหรือน้ำลดลงไปจากการท่วมมิดเครื่องยนต์เป็นอันขาด  เพราะน้ำที่อัดอยู่ในเครื่องยนต์อาจจะทำให้ก้านสูบกับก้านกระทุ้งวาล์วในกรณีที่เป้นรถโบราณเช่นโฟล์กสวาเกน  เต่าทองนั้น  คดงอได้เลยทีเดียว

                อย่าพ่วงไฟเพื่อติดเครื่องยนต์รถที่ไหม่กว่ารุ่นปี ค.ศ. 1989  หรือ พ.ศ. 2532  ขึ้นมา  ด้วยว่านั้นจะเปิดโอกาสให้แอลเทอร์เนอเตอร์ซึ่งมักจะเรียกกันง่าย ๆ ว่า ไดชาร์จ  และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานาประดามีในรถไหม้เสียหายได้
 
                ก่อนที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่  หรือเอาแบทเตอรี่ไปอัดไฟให้เต็มอีกทีแล้วเอามาใช้  หรือพูดให้ชัดก็ได้ว่า  ต่อขั้วแบตเตอรี่เข้ากับรถอีกครั้งหลังจากพ้นน้ำแล้วนี่  ปลดฟิวส์ของระบบถุงลมนิรภัยเพื่อไม่ให้ทำงานขึ้นมาได้ในระยะแรกนี้ก่อน  ด้วยว่าถ้าวงจรไฟฟ้าในระบบถุงลมนิรภัยเกิดลงดินหรือชอร์ตกันได้แล้วล่ะก็  ถุงลมระเบิดตูมแบบว่าทำงานให้ใช้ได้ขึ้นมาเฉย ๆ เสียของไปปล่า ๆ หลายหมื่นทีเดียวนะครับ

            ปกติเมื่อรู้ว่ารถจะจมน้ำ  เราก็ควรถอดสายไฟยกแบตเตอรี่ขึ้นที่สูงบนบ้านบนเรือนก่อน  ถ้าทำไม่ทันแบตเตอรี่จมน้ำอยู่ก็จะหมดไฟไปก่อนที่จะเข้าทำให้เกิดกระแสลัดวงจรทที่เสียหายเพราะน้ำได้  แต่เมื่อน้ำแห้งแล้ววงจรอาจจะลงดินอยู่  มีกระแสเข้าไปเมื่อไรลัดวงจรเมื่อนั้น  จึงควรรีบถอดสายแบตเตอรี่ออกทันทีที่รถพ้นน้ำ  ถ้าไม่ได้เอาแบตเตอรี่ออกไปเสียก่อน  โดยเฉพาะรถที่ตกน้ำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจนั่น

                ที นี้  เมื่อปล่อยให้วงจรอุปกรณ์หลายอย่างแห้งแล้ว  ก็ปลดฟิวส์ของวงจรที่มั่นใจได้ออกเสียก่อน  เช่นวงจรถุงลมนิรภัยเป็นต้น

                ตรวจรถยนต์ที่เพิ่งพ้นน้ำของคุณให้ถี่ถ้วน  ถ้าพบน้ำในที่เขี่ยบุหรี่  ก็เชื่อเอาไว้ก่อนว่า  น้ำคงเข้าไปถึงระบบไฟฟ้าบนหน้าปัด  เช่น  มาตรมัดต่าง ๆ และสวิตช์ได้    และดดยที่วงจรเหล่านี้มักจะทำเป้นแผงจึงสามารถทำความสะอาดและแห้งเอามาใช้ได้ใหม่อีก  แต่ตามที่ปรากฏกันมาก็คือคุณมักจะพบปัญหาของวงจรในการใช้งานต่อไปภายหน้า  และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จมน้ำหรือเปียกน้ำนี้  อายุการใช้งานหลังจากนั้นจะค่อนไปทางข้างสั้น

                 อย่าไปหวังอะไรให้มากนักเลยครับ  นอกเสียจากจะเปลี่ยนกันใหม่หมด  แพงอีกใช่ไหมล่ะ

                เกียร์อัตโนมัติกับทอรืกคอนเวิร์ตเตอร์  ต้องได้รับการล้างเอาน้ำมั่นและน้ำออกให้หมด  เช่นเดียวกับเฟืองท้าย  หรือส่วนมากในตอนนี้จะไปอยู่ข้างหน้าแล้ว  กับพวกทรานสเฟอร์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ  ด้วยว่าทั้งสองอย่างนี้มีรูระบายอากาศน้ำจึงเข้าไปทางนั้นได้  ก็ต้องทำอย่างเดียวกับเกียร์อัตโนมัติ

                เพลาขับที่ยางหุ้มเพลาขาด  น้ำจะเข้าไปนำเอาจารบีออกไป  ต้องอัดจารบีใหม่และเปลี่ยนยางหุ้มเพลาด้วย

                อีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้  เมื่อตรวจเกี่ยวกับระบบส่งกำลังนี่คือลูกปืนล้อทั้งหน้าและหลังที่มีอยู่ในรถทั่วไป   ต้องนำออกมาล้างอัดจารบีใหม่  ใส่กลับคืนที่ด้วยการปรับใหม่ให้แน่นตามลำดับไม่แน่นเกินไปจนล้อหมุนฝืด

                 ล้างและเปลี่ยนน้ำระบายความร้อน  เอาโคลนเลนที่ติดอยู่ตามรังผึ้งหม้อน้ำออกให้หมด  ใส่น้ำยาลดความร้อน  หล่อลื่น  และรักษาโลหะลงผสมในน้ำระบายความร้อนใหม่อีกครั้งให้ได้ตามลำดับที่กำหนด

                การกำหนดอัตราส่วนผสมน้ำยากับน้ำในระบบระบายความร้อนนี้ที่กระป๋องหรือขวดน้ำยาจะมีบอกชัดเจน  ถ้าเป็นฟอร์ดก็จะมีป้ายบอกไว้ที่ระบบหรือหม้อน้ำสำรอง  โดยให้ใช้น้ำยาของฟอร์ด  50 %  กับน้ำสะอาด  50 %   เป็นต้น

                 การใช้น้ำยาสีเขียว  ราคาประหยัด  ใส่เพียงกระป๋องเดียวหกเจ็หดสิบบาทนั่น  ช่วยอะไรทางด้านการลดความร้อนและการสึกกร่อนของอะลูมิเนียมผสมในเครื่องยนต์ไม่ได้หรอกครับ  เรื่องแบบนี้ไม่ควรประหยัดเพราะจะเป็นการเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย  เมื่อถึงเวลาต้องซ่อมเครื่องยนต์ด้วยค่าใช้จ่ายหลาย ๆ หมื่นบาท

                 อย่างน้อยก็ต้องล้างทำความสะอาดภายนอกของระบบห้ามล้อเปลี่ยนน้ำมันเบรก  และหากแช่น้ำอยู่นานก็อาจจะต้องถึงขนาดซ่อมใหญ่เบรกทั้งระบบกันเลยก็ว่าได้  ตรงนี้ไม่ต้องถึงรถจมน้ำทั้งคันหรอกครับ  แค่แช่อยู่ทั้งวันลึกท่วมล้อเท่านั้นก็ได้เรื่องแล้ว

                รถกระบะหนึ่งตันที่ชอบลุยน้ำลึก  เพราะเห็นว่าเครื่องยนต์ดีเซล ไม่มีระบบไฟฟ้าจุดระเบิด  ไม่ต้องกลัวน้ำเข้าระบบไฟฟ้าแล้วเครื่องดับนั้น  ถ้าน้ำเข้าเครื่องก็เสร็จเหมือนกัน  หนักกว่ารถเบนซินด้วยซ้ำไป    และเมื่อลุยน้ำลึกมากบ่อยเข้า  น้ำก็เข้าไปในระบบห้ามล้อจนเกิดนิม  และน้ำมันเบรกเน่าเสียไปจนห้ามล้อไม่อยู่ได้นะครับ  อย่าทำเป็นล่นไป

อันตรายไม่ได้น้อยก่าเขาอื่นหรอก  ถึงจะขับพ้นตรงที่น้ำท่วมได้ด้วยความเร็วจนน้ำกระจายเป็นปีกไปสาดรถอื่นเขาได้สนุกดีนั่นน่ะ    เผลอ ๆ เป็นไข้สารตะกั่วเอาแถวนั้นเลยก็ยังเคยมี

                 ของที่จมน้ำแล้วอาจจะต้องถึงกับเปลี่ยนเลยทีเดียวก็คือสตาร์ตเตอร์  เพราะน้ำเข้าไปนี่ฝรั่งบอกว่าซ่อมยากเสียเวลา  แต่บ้านเราคงเอาไปให้ช่างไฟฟ้าตามร้านทั่วไปล้างทำความสะอาด  ตรวจเช็กและปรับสภาพใช้ใหม่ได้  ไม่ต้องกับถึงกับต้องเปลี่ยนใหม่  แต่ต้องเอาออกมาทำแน่นอนถ้าจมน้ำครับ

                 มาถึงตรงนี้  ที่หนักอีกอย่างคงจะเป็นพวกมอเตอร์ไฟฟ้าของกระจกไฟฟ้า  ทีท่นั่งปรับไฟฟ้า  และเสาอากาศไฟฟ้า  ตรงนี้อาจถึงกับต้องเปลี่ยนเพราะซ่อมยากไปก็ได้ครับ  หลายสตางค์อยู่เหมือนกัน  เพราะฉนั้นอย่าเที่ยวได้ขับรถลงไปแช่น้ำเล่น  ไม่สนุกเลยเมื่อขึ้นมาได้

                 หมดพวกราคาแพงและเป้นปัญหาได้มาก  ก็ถึงส่วนที่มีปัญหาได้ในระดับรองลงมา  จะเปลี่ยนหรือซ่อมก็ต้องตรวจสภาพกันดูทุกส่วน  อย่าวางใจละเว้นละเป็นดี

                เริ่มที่แผ่นคลัตช์  จานคลัตช์  ลูกปืนคลัตช์  บางทีพอน้ำแห้งอาจจะทำท่าว่าใช้งานได้เหมือนเดิม  ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เท่าไรนัก  ใช้ไปไม่เท่าไรมักจะมีเสียง  และเริ่มแสดงอาการของปัญหาเกียร์เข้ายากขึ้นมาให้พบได้เสมอ

                แร็กพวงมาลัย  โดยเฉพาะพวกของพาวเวอร์ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งทที่ต้องตรวจเช็ก  แม้จะเป็นความเป็นไปได้ที่จะเสียหายเป็นรองของที่บอกมาแล้วในตอนต้น  ก็มีโอกาสเสียหายได้  รวมทั้งช็กอัพตัวยาวตัวสั้นที่ใช้มานานก่อนหน้ารถจมน้ำ  ชีลกันน้ำหลวมแล้ว  น้ำเข้าได้นะครับ  ควรเปลี่ยนถ้าพบความผิดปกติหรือไม่น่าไว้วางใจ

                รีเลย์  เซ็นเซอร์ต่าง ๆ สวิตช์ไฟ  และกล่องฟิวส์ก็ต้องได้รับการตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเสียหาย   ยังทำงานได้ดี  โดยเฉพาะกล่องฟิวส์ต้องลงดินได้ดีเช่นเดิมถ้าเกิดมีการจมน้ำอยู่ระยะหนึ่ง  เอาแค่วันเดียวหรือหลายชั่วโมงก็ไม่ดีแล้วนะครับ

                 จานจ่ายนี่ก็ตัวดี  ถ้าเป็นแบบใช้ทองขาวยังไม่เท่าไร   แต่เบรกทรานซิสเตอร์ขึ้นมานี่  บางทีถึงต้องเปลี่ยนกันเลยทีเดียว  เพราะต่อไปมักทำให้เครื่องยนต์สั่นโดยไม่ทันนึกว่ามาจากตัวนี้ได้

                แผงวงจรที่ผมว่าไว้ตอนแรกนั้น  พอจะล้างได้ด้วยน้ำซึ่งทำการ DEIONIZED   จากนั้นก็เอาไปอบที่ความร้อน  120  องศาฟาเรนไฮต์สัก  30  นาที  แล้วพ่นด้วยสเปรย์แล็กเกอร์เคลียร์ก่อนจะนำมาใช้ใหม่  ซึ่งก็ยังไม่แน่นักว่าจะทนทานต่อไปได้สักเพียงไร  โชคดีก็รอดตัว

คลัตช์ของแอร์คอมเพรสเซอร์ควรได้รับการตรวจเช็กว่าใช้การได้หรือไม่
     
                ดวงไฟฟ้าหน้ารถก็อย่ามองข้าม  น้ำอาจจะเข้าไปค้างอยู่  เอาออกเสียให้หมดก่อนที่จานจ่ายจะกลับบ้านเก่าเพราะน้ำทำเหตุ      ผมได้ข้อมูลนี้มาจากการตอบปัญหาเพื่อช่วยเหลือกันเองของช่างเทคนิคทั่วโลก  อันเป็นสมาชิก   IATN  หรือ  Internation  Automotive  TechnicianNetwork  ซึ่งผมก็เป็นสมาชิกหนึ่งในสามของคนไทยขณะนี้  (สิงหาคม  2540)  อยู่ด้วย ขอยกเครดิตในเรื่องนี้ให้กับคุณ  Brent Black  ผู้ก่อตั้ง  Network  และคุณ  Rob Cagen    ผู้รวบรวมคำตอบที่ตัวท่านเองถามไป  แล้วได้รับการตอบมาจากช่างเทคนิคทั่วโลกของ  Net Work  จนปรับสภาพรถจมน้ำได้เรียบร้อย  แล้วนำมาแจ้งให้สมาชิกทุกท่านกว่าเจ็ดพันคนรอบโลกทราบทาง  e-mail  น่ะครับ

                ผมเอามารวบรวมไว้ให้  เผื่อคุณไปป่าแล้วน้ำมาอย่างแรง  หนีไม่พ้นท่วงที  จะได้มีโอกาสแก้ไขได้ภายหลัง

เผื่อเป็นประโยชน์ครับ


หัวข้อ: Re: เอามาฝากครับ การตรวจเช็ครถยนต์ ..หลังน้ำท่วม,รถจมน้ำ‏
เริ่มหัวข้อโดย: RONIN ที่ 08 ตุลาคม 2011, 20:06:29


...................กด LiKE  ให้เลยครับ  เยี่ยม      8)