:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: DAY_JDM ที่ 16 กันยายน 2011, 16:06:16



หัวข้อ: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: DAY_JDM ที่ 16 กันยายน 2011, 16:06:16


1. การขับรถเมื่อฝนตกหรือถนนลื่น จำเป็นต้องระวังเป็นอย่างมากขณะฝนตกใหม่ๆ ถนนจะลื่นมาก เพราะน้ำฝนฝุ่นโคลน จะรวมกันกลายเป็นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนนรถจะเกิดการลื่นเสียหลักเมื่อวิ่งผ่านหากขับรถฝ่าสายฝนต้องลดความเร็วลงให้มากกว่าปกติ ควรใช้เกียร์ต่ำกว่าปกติ1 เกียร์จะทำให้รถเกาะจับถนนไดดีขึ้นขณะขับรถให้เปิดไฟหรี่หรือไฟใหม่ตามแต่สถานการณ์ การเปิดไฟจะช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นเราควรหลีกเลี่ยงการเบรกอย่างรุนแรงและกะทันหักจะทำให้รถลื่นไถลหรือหมุนกลางถนนได้ถ้ารถเริ่มเสียหลักให้ผู้ขับขี่ถอนคันเร่งจะทำให้รถเกาะขับถนนได้ดีรถวิ่งผ่านแอ่งน้ำ ให้ยกเท้าออกจากคันเร่งโดยทันที อย่าเบรกอย่าหักพวงมาลัย จับพวงมาลัยให้แน่นเมื่อรถลดความเร็วลงหรือผ่านแอ่งน้ำไปแล้ว รถก็จะเริ่มจับเกาะถนนได้และก็สามารถควบคุมได้

2. ระดับน้ำท่วมผิวถนน คือระดับความลึกของน้ำประมาณไม่เกิน 6 นิ้ว ไม่มีผลต่อรถของเราส่วนที่จมน้ำจึงมีเพียงลูกหมากและบูชยางของระบบรองรับและระบบบังคับเลี้ยวเท่านั้นชิ้นส่วนเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้แช่น้ำชั่วคาวได้โดยไม่เกิดความเสียหายสิ่งสำคัญที่สุด คือ การรักษาระดับความเร็วของรถโดยขับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้น้ำที่ถูกล้อรถรีดด้วยความเร็วจะทะลักพุ่งออกมาทางด้านข้างอย่างแรงฉีดไปที่ห้องเครื่องยนต์ อาจทำให้กระแสไฟจุดระดับลัดวงจร และเครื่องดับหรือไม่ก็ฉีดไปบนห้องเกียร์และเล็ดลอดเข้าไปภายในทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพได้

3. ระดับที่ผิวน้ำสูงถึงท้องรถเป็นครั้งคราว ขณะขับรถจะได้ยินเสียงน้ำกระทบท้องรถค่อนข้างดังควรขับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลีกเลี่ยงการตกหลุมที่มองไม่เห็นโดยสังเกตจากรถคันหน้าและพยายามจำแนวไว้ ความลึกระดับนี้จานเบรกจะจมอยู่ในน้ำตลอดเวลา รถที่ใช้ ?ดรัมเบรก?ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงอย่างมาก หากพ้นช่วงน้ำท่วมจะต้องทดสอบเบรกทันทีโดยการเบรกและเร่งความเร็วสลับกันไป เพื่อให้ผ้าเบรกรีดน้ำจากจานเบรกและเพื่อให้จากเบรก หรือดุมเบรกร้อนจนน้ำระเหยเป็นไอหมด

4.ระดับที่น้ำท่วมเลยท้องรถ ไม่ว่าจะขับช้าเพียงใดน้ำก็อาจจะทักลักท่วมห้องเกียร์และเฟืองท้าย (รถขับเคลื่อนล้อหลัง)ผสมกับน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองท้าย ทำให้เสื่อมสภาพฟันเฟืองต่างๆภายในจะสึกหรออย่างรวดเร็วเนื่องจากน้ำใต้ท้องรถจะแทรกซึมเข้ามาทางจุกยางหลายจุดจากพื้นรถพรมและฉนวนกันเสียงจะชุ่ม หากเจ้าของรถไม่รีบรื้อเก้าอี้และถอดออกมาผึ่งแดดรถบางรุ่นจะมีศูนย์ควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E C U)อยู่ใต้เก้าอี้ซึ่งชิ้นส่วนนี้มีราคาสูงมาก หากความชื้อเล็ดลอยเข้าไปจะชำรุดภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ส่วนด้านห้ารถก็เกิดความเสียหายไม่น้อยเช่น ใบพัดของพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำ ซึ่งอยู่ด้านหลังของหม้อน้ำจะดูดน้ำจากด้านหน้าใบพัดซึ่งทำจากพลาสติก จึงงอไปทางด้านหน้าครูดกับรังผึ้งหม้อน้ำจนหักน้ำซึ่งถูกกันชนหน้ารถดันจนสูงอาจทะลักเข้าทางขั้วของโคมไฟหน้ากลายเป็นไอน้ำสะสมอยู่ภายในและจะทำลายผนังโคมที่ฉาบปรอทไว้ซึ่งจะทำให้หลุดล่อนในเวลาไม่นาน

5.ระดับน้ำที่ท่วมจนถึงไฟหน้า เป็นระดับน้ำที่อันตรายที่สุดหากขับหรือจอดอยู่นานน้ำท่วมภายในห้องโดยสารจนถึงเบาะนั่งห้องเกียร์และเฟืองท้ายจะถูกท่วมมิด หากเครื่องยนต์ไม่ดับไปเสียก่อนเนื่องจากระบบจุดระเบิดขัดข้องและผู้ขับยังฝืนขับตด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (โดยเฉพาะรถเครื่องยนต์ดีเซลจึงไม่ต้องอาศัยกระแสไฟจุดระเบิด)น้ำจะทักเข้าทางท่อดูดอากาศ ผ่านไส้กรองอากาศ ท่อไอดีและเข้าไปในกระบอกสูบลูกสูบที่กำลังเคลื่อนที่ขึ้นอย่างรวดเร็วจะกระแทกกับปริมาตรน้ำอย่างรุนแรง(ไฮดรอลิกลอค) จนลูกสูบและก้านสูบชำรุดทันที

เพราะฉะนั้นระดับน้ำที่เรายังใช้งานได้โดยไม่เกิดความเสียหาย คือ ระดับน้ำท่วมผิวถนนและระดับที่ผิวน้ำสูงถึงท้องรถเป็นครั้งคราวเท่านั้นวิธีปฏิบัติตนที่ถูกต้องเมื่อต้องเผชิญกับถนนที่มีน้ำท่วมลึกจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง โดยกลับรถเพื่อเปลี่ยนเส้นทางหรือหาที่จอดรถซึ่งน้ำท่วมไม่ถึงไว้ก่อนแล้วหายานพาหนะอื่นไปแทนเป็นการประหยัดค่าซ่อมรถได้มากทีเดียวถึงแม้จะไม่ต้องจ่ายเงินค่าซ่อมเองก็ยังไม่คุ้มอยู่ดีเพราะเกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่องมีมากชิ้นส่วนบางอย่างอาจชำรุดหลังจากโดนน้ำมาแล้ว 6 เดือนก็ได้

หากมีปัญหาความนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้ายหลังจากลุยน้ำลึกมาทุกครั้งและให้เจ้าหน้าที่บริการถอดเก้าอี้และตรวจด้านล่างของพรมปูพื้นว่ามีน้ำรั่วเข้าถึงหรือไม่รถที่ลุยน้ำลึกมาแล้ว หากถึงที่หมายหรือรถพ้นน้ำห้ามดึงเบรกมือทิ้งไว้เด็ดขาดเพราะเมื่อน้ำแห้งผ้าเบรกจะยึดกับจานเบรกจะทำให้เกิดสนิมจนไม่สามารถเคลื่อนรถออกไปได้

http://auto.sanook.com/item/2858-5-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1.html


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: kru_jed ที่ 16 กันยายน 2011, 20:16:52
 :-* :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: EaI2tH ที่ 16 กันยายน 2011, 20:34:13
ข้อแรกโดนไปแล้ว

ได้เปลี่ยนกันชน + ไฟใหม่หมดเลย  :-[


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: titynmt ที่ 16 กันยายน 2011, 23:36:00
มีประโยชน์มากเลยครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีครับ  :-*


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: MANUTS ที่ 17 กันยายน 2011, 09:04:22
เก็บความรู้  :-*


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: tunesuke ที่ 17 กันยายน 2011, 12:14:40
 :(อาทิตย์ที่แล้วลุยมาระดับ 5 เลย
แต่เช็คน้ำมันเกียร์แล้วนะครับไม่มีน้ำเข้า
แต่ผลพวงเกิดเมื่อเช้าความร้อนขึ้นเกินครึ่งเลยครับพัดลมไม่ทำงาน
ต้องรีบจอดแล้วเช็ดที่ปลั็กพัดลมเอาน้ำยามาฉีด
พอสตาทใหม่ความร้อนลดลงมาปกติเลยครับ พัดลมทำงาน นึกว่าเสียค่าพัดลมซะแล้ว
ยั้งงั้นก็ให้ดูที่พัดลมหม้อน้ำด้วยนะครับ :-[
ตั้งแต่ซื้อมาความร้อนไม่เคยเกินครึ่งเลย


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: Pum_Chero ที่ 17 กันยายน 2011, 12:56:50
 ::) ขอบคุณครับสำหรับความรู้เรื่องการขับรถเมื่อมีน้ำขัง :-*


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: system-dj ที่ 17 กันยายน 2011, 13:02:21
 :-* :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: nookirpc ที่ 17 กันยายน 2011, 15:37:22
 :-* ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ ช่วงนี้อากาศบ้านเรามันแปลกๆงัยไม่รู้ ก่อนเดินทางควรตรวจสอบข้อมูลก่อนก็ดีครับ


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer_ek97 ที่ 17 กันยายน 2011, 17:52:31
ขอบคุณ มากๆๆๆ

กำลังจะไป ตจว. พรุ่งนี้พอดี  แล้วต้องผ่านจังหวัดที่น้ำท่วมอยู่ตอนนี้ด้วย

 :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: Chokhihi ที่ 18 กันยายน 2011, 06:01:44
โดนระดับ4มาน้ำเข้ารถเยยย :( :( :(


หัวข้อ: Re: 5 เทคนิค ขับรถลุยน้ำ.....
เริ่มหัวข้อโดย: narsesus ที่ 18 กันยายน 2011, 09:50:12
ขอบคุณนะครับ