การทำความสะอาดพัดลมแอร์(ด้วยโฟม)แบบว่าผลที่ได้ไม่น่าเชื่อและกรองแอร์แบบง่ายๆ

<< < (7/13) > >>

anodite_studbar:
อ้างจาก: KANE ที่ 13 เมษายน 2008, 20:49:47

ใช้เรียบร้อยครับ threebond 6721 หลังจากมีกลิ่นในรถมานาน  8) แต่กลิ่นดันไม่หายครับ :'( เลยควานหาสาเหตุอยู่นานปรากฎว่า มาจากกรองแอร์ครับ ของที่ติดมากับรถ  รถผม civic FD 2006 มีกลิ่นมานานแล้ว ตั้งแต่แรกๆที่ซื้อมาเลย ผมเลยถอดกรองแอร์ไปล้าง ตากแดดอยู่ประมาณ สามวันกลิ่นก็ยังไม่หายเลยตัดสินใจไปซื้อ กรอง 3M มาทำเองตามที่คุณ anodite โพสไว้หลังจากเปลี่ยนกรอง กลิ่นหายทันทีเลยครับ ต้องขอขอบคุณ anodite มากๆสำหรับความรู้ดีๆ

อีกอย่างครับ มีหลายคนบอกว่า civic FD มีกลิ่นตั้งแต่เดือนแรกที่ซื้อมา อาจเพราะเจ้าตัวกรองนี่แหละครับ >:( ยังไงก็ลองเปลียนกรองแอร์ดูนะครับ ทำไม่ยากเลย ผมเพิ่งเคยแกะรถครั้งแรกในชีวิตยังทำได้เลยครับ 8)


ยินดีด้วยที่กลิ่นหายครับ สำหรับท่านใดที่ใช้ FD แล้วเป็นแบบนี้ ก็ลองทำดูได้ครับป๋ม  :D

anodite_studbar:
วันนี้ผมมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพัดลมแอร์มาฝากกันเล็กน้อย เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 12เมษายน2008 ผมจะไปธุระข้างนอกกับเพื่อนผม ซึ่งตอนแรกแอร์ก็เป็นปกติ ใช้มาทั้งวันก็ไม่มีปัญหาอะไร อยู่ดีๆลมแอร์ก็หาย แต่ไฟa/c ยังติดอยู่ ตอนแรกก็นึกว่าฟิวล์ขาด ผมก็ลองไล่ดู แต่ก็ไม่มีตัวไหนขาด เอาละซิ ทำไงดี ไม่มีแอร์ตอนสงกรานต์ ร้อนนรกแน่ แถมดันมาเสียตอนสองทุ่มกว่าๆ ทำไงดีละ ผมก็นึกขึ้นได้ เลยโทรไปหาพี่พากษ์(ร้าน Highway ที่ผมเอาไปติดแก็ส) ถามว่าร้านเขาปิดหรือยัง จะได้ให้เขาดูให้ เขาบอกว่าปิดแล้ว ผมก็เลยถามว่าอาการที่ผมเป็นคือไฟa/cทำงาน แต่ลมไม่พัดออกมาเกิดจากอะไร พี่เขาบอกว่าถ้าไม่ฟิวล์ขาด ก็ตัวResistance(อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า)เสีย ให้ไปที่ร้านแอร์ให้เขาเช็คดู  บังเอิญว่าแถวบ้านผมมีอยู่ร้านนึงเขาเปิดอยู่ ก็เลยให้เขาดู เขาเช็คแล้วฟิวล์ก้ไม่ขาด ผมก็เลยบอกเขาว่าให้ดูตัว Resistance ทีสิว่าเสียหรือเปล่า เป็นไปตามคาดครับ ตัว Resistance เสีย หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ







แล้วตัวนี้หน้าที่ของมันคืออะไร หน้าที่ของมันก็คือทำให้พัดลมหมุน(และไม่แน่ใจว่าน่าจะเป็นตัวปรับความเร็วของพัดลมแอร์ที่อยู่ในตู้แอร์ครับ)  และยิ่งรถสมัยใหม่นี้ โดยเฉพาะฮอนด้าเกือบทุกรุ่น ตัวนี้จะเสียบ่อย(อันนี้ร้านแอร์เขาเป็นคนยืนยัน เพราะว่าเขาเห็นรถผม เขาก็ยังบอกเลยว่าก่อนหน้านี้หลายคันที่ทำไปรุ่นนี้ ตัวนี้จะเสียครับ) ตัวนี้จะอยู่ใต้ตู้แอร์หลังเก๋ใส่ของ มันจะมีสายเสียบอยู่ เขาดึงตัวเสียออกมา แล้วใส่ตัวใหม่เข้าไป เชื่อไมครับ ตอนแรกที่ไม่มีลมแอร์ กลับมาเย็นเหมือนเดิม

ผมเองก็เพิ่งได้เจอกับตัวว่าตัวนี้คือตัวอะไร ทั้งๆที่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านเจอในเวป(แต่นานแล้ว) ก็ไม่ได้สนใจ เพราะว่าของผมไม่ได้เสีย

ก็เลยเอามาฝากกัน เพื่อว่าเพื่อนๆหรือท่านใดเจออาการแบบผม จะได้หาทางแก้ได้ไม่ยากครับ  :D

หมูอ้วนกทม:
อ้างจาก: anodite_studbar ที่ 06 ตุลาคม 2007, 00:46:21

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ไม่สองสามวันที่ผ่านมาผมไปหาลูกค้าเพื่อที่จะทำรถให้เขา ซึ่งหลังจากทำรถเขาเสร็จก็คุยกันถึงว่าหน้าที่การงานของเขาทำอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานประจำ แต่ว่าด้วยความสามารถของเขางานพิเศษก็อยู่เกี่ยวกับการตกแต่งรถเช่นกัน(ไว้มีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไร แต่ขอบอกว่าเยี่ยมครับ) คราวนี้คุยไปคุยมาเจ้าของรถเขาก็ถามว่าเคยตู้แอร์มาล้างบ้างหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่จำได้ ผมเองไม่เคยถอดออกมาสักครับ  :-[  เขาบอกว่าสนใจไหนเดี่ยวเขาจะเอาน้ำยามาให้ผมใช้ ตอนแรกผมถามเขาว่าเท่าไร เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่คิดเงิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เกรงใจ ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆ เขาบอกว่าลองแล้วจะรู้ ผมก็เลยลองดู

ก่อนอื่นเขาก็เปิดเกะออกมา ถ้าคันไหนมีกรองแอร์ก็ต้องเอาออกมา เพราะไม่งั้นจะฉีดน้ำยาลงไปในพัดลมแอร์ไม่ได้



ต่อมาเปิดสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่งON แล้วเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด(ต้องปิดสวิทช์ A/C ทิ้ง)ตามรูป



อันนี้คือน้ำยาทำความสะอาดแอร์ที่บอก ทำความสะอาดโดยไม่ต้องถอดตู้ ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายครับป๋ม



ต่อมาก็เขย่ากระป๋องก่อนฉีด แล้วนำปลายท่อด้านหนึงเสียบเข้ากับหัวฉีดกระป๋อง อีกด้านหนึงสอดเข้าไปทางช่องทางเดินพัดลม(ตามรูป)



อันนี้ใกล้หมดเลยตะแขงหน่อย(ในรูปคือเจ้าของผลิตภัณท์ที่อนุเคราะห์น้ำยาตัวนี้ให้ครับ)



แล้วหลังจากฉีดเสร็จแล้วให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อีกประมาณ10-20นาที เพื่อกำจัดเขื้อแบคทีเรียในระบบแอร์

ต่อมาสิ่งสกปรกจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง ให้สังเกตที่สีของน้ำยาที่เปลี่ยนไป ตอนแรกสีที่อยู่ในขวด(เวลาน้ำยาผ่านหลอดก็จะเห็นครับ)จะเป็นสีขาว แต่ว่าจากรูปจะเห็นได้ว่าสีออกมาค่อนข้างขุ่นพอสมควรครับ



ซูมเข้าไปอีกนิด



หลังจากเห็นสีแล้วนึกในใจเลยว่า โห! นี่สามสีปีหลังนี้ฝุ่นมันเยอ ผมคงหายใจเข้าไปไม่น้อย

คราวนี้มาพูดถึงคุณสมบัติของน้ำยาตัวนี้ก่อน

- นอกจากกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผงค่อยเย็นแล้ว ยังชะล้างคราบสิ่งสกปรก ไขมันและฝุ่นละอองที่สะสมออกจากระบบแอร์รถยนต์ แล้วหลังจากที่สะอาดแล้วทำให้อากาศที่ถูกเป่าออกมาจากระบบแอรบริสุทธิ์ และมความเย็นเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่นั้น ยังกำจัดกลิ่นเหม็นและอับชื้นในระบบไม่ให้รบกวนจมูกเรา และที่สำคัญเมื่อพัดลมถูกทำความสะอาด ประสิทธิภาพของการทำงานก็เพิ่มขึ้นและยังยืดอายุการทำงานของระบบแอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

การใช้งานจริง

สามวันที่ผ่านมา วันแรกตอนที่เสร็จก็เปิดแอร์ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากข่องแอร์แรงขึ้น แล้วแอร์ก็เย็นขึ้นด้วย แล้วเท่าที่สังเกตคือเรื่องกลิ่น ตอนแรกจำได้ว่ายังมีกลิ่นอับๆอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อไหมครับ ไม่มีจริงๆ(อันนี้บอกไปก็เท่านั้น ไม่เท่ากับลองเองครับ) แล้วกลิ่นที่ออกมาค่อนข้างหอมพอสมควร ผมก็ดูอุณหภมืที่ตั้งไว้ อยู่ที่ 25องศา ซึ่งปกติอากาศช่วงนี้ร้อน ผมต้องตั้งไว้ประมาณ24หรือต่ำกว่านั้นเพื่อให้มันเย็น คราวนี้วันแรกผ่านไป ก็นึกในใจว่าเราจะเห่อของใหม่หรือเปล่า หรือว่าอุปทานไปเอง คราวนี้มาวันที่สอง วันนี้ทั้งอากาศร้อนทั้งฝนตกเลยครับ ช่วงอากาศร้อนก็ตั้งไว้ที่อุณหภูมิเท่าเดิมคือ 25 แต่เชื่อไหมครับ ฝนตกอากาศเย็นแอร์ก็เย็นตาม เย็นถึงขึ้นหนาวเลยครับ ทำไงดีละก็เปิดขึ้นไปที่ 26องศา ซึ่งก็ไม่หนาวเกิดไป(อันนี้แล้วแต่คนนะครับ) คราวนี้สองวันไปแล้ว มันจะจริงหรือว่าเรายังคิดมากไปเอง วันนี้ครับผมก็ไปทำธุระและก็หาลูกค้าตามปกติ วันนี้เช่นกันตั้งไว้ที่ 25 เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องลดลงมาเลยครับ และวันนี้กลับค่อนข้างดึกทำให้ได้ทดสอบการใช้งานในช่วงกลางคืน ผลที่ได้คือเย็นขึ้นครับ เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็นลง แอร์ก็เลยเย็นตาม ผมเองเป็นคนไม่ชอบหนาวสักเท่าไร ก็เลยปรับไปที่26อ่ะครับ

ครับที่เอามาเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเคยเห็นกระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับแอร์ว่ามีกลิ่นบ้างอะไรบ้าง ถ้าเป็นES ยังบอกได้ว่าใช้มาแล้วสัก สองถึงสีปี อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า Civic 06-07 นี่เป็นรถใหม่มาก ซึ่งเท่าที่อ่าน ตัวใหม่ก็เจอกับปัญหากลิ่นอับเหมือนกัน ถ้ารถเก่าถอดตู้ออกมาก็คงไม่เสียดาย แต่ว่าคงไม่มีใครอยากถอดออกมา เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก และยิ่งรถใหม่ๆปีสองปีหรือป้ายแดงแล้วเจอปัญหานี้ รับรองเลยว่าไม่มีทางถอดตู้ออกมาแน่นอน ซึ่งผมก็เห็นว่าตัวนี้ค่อนข้างเป็นประโยขน์ดีก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ

ต้องขอขอบคุณ คุณโอ๊ต (Three Bone) ที่อนุเคราะห์น้ำยาและบอกวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆมา ณ, ที่นี้ด้วยครับ

สำหรับใครที่อยากจะล้างตู้แอร์เอง สามารถซื้อน้ำยาตัวนี้ได้ที่คุณโอ๊ต (ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เผอิญเป็นน้องที่รู้จักกันแต่ไม่เจอกันมานาน ) ผมเองก็กำลังจะใช้ดูหากสนใจผมจะบอกเบอร์ติดต่อให้ครับ

civic2003:
 :-[  สนใจครับหาซื้อมาสองอาทิตย์และไม่ได้ซ๊ากที :-[

anodite_studbar:
หลังจากที่ได้ทำการเปลี่ยนกรองไปเมื่อวันที่ 25/2/51 จริงๆแล้วผมอยากพิสูจน์ว่าเมื่อหกเดือนไปแล้วเป็นยังไงบ้าง แต่ว่าอดไม่ไหว พอดีวันนี้ว่างๆ ก็เลยถือโอกาสทำความสะอาดภายในรถ และไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็เอากรองแอร์ที่ได้ออกมาดู





และรูปต่อไปนี้คือสภาพหลังจากที่เปลี่ยนกรองไปครับ









ขอบอกเลยว่า ไม่กี่เดือนสกปรกได้ขนาดนี้เลยครับ อาจจะเป็นไปได้ว่าบางครั้งที่เราวิ่งบนท้องถนน ตามรถที่มีควันดำออกบ้าง ไหนจะอากาศข้างนอกอีกละครับ นี่ถ้าไม่ได้ทำความสะอาดภายใน ก็ไม่รู้ว่าจะดำไปขนาดไหน และที่สำคัญก็คือสุขภาพของเราเองนั้นแหละครับ และไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมก็ถือโอกาสเอาน้ำยา Threebone ฉีดทำความสะอาดพัดลมแอร์เลย วิธีก็อย่างที่เคยบอก คราวนี้ลองเอาถาดลองอยู่ใต้ท้องรถเพื่อที่จะดูน้ำว่าดำขนาดไหน



ซึ่งผลออกมาก็คือสีน้ำค่อนข้างดำ(ในรูปอาจจะดูไม่ค่อยดำ แต่ว่าจริงๆแล้วจะดำกว่าในรูป)



หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จผมก็เอากรองใหม่ที่ทำเสร็จแล้วใส่กลับเข้าไปเหมือนเดิม



และเมื่อลองสตาร์ทรถแล้วเปิดแอร์ดู สิ่งที่รู้สึกได้อย่างแรกก็คือแอร์เย็นขึ้น สิ่งที่ได้ต่อมาก็คือเรื่องกลิ่นที่สะอาดขึ้นจากเดิม ตอนแรกก็นึกว่าคงคิดมากไปเอง แต่ก็นั่งดูสักพัก รู้สึกจริงๆว่าดีกว่าตอนเช้าที่ผมไปทำธุระมา

จริงๆแล้วเรื่องนี้อาจจะเป็นอะไรที่เรามองข้ามไป ให้ความสำคัญกับอย่างอื่นมากกว่า แต่ต้องไม่ลืมนะครับว่าสุขภาพของเราจะเสียแค่ไหนเมื่อไม่มีกรองแอร์ ผมคิดว่าถ้าเป็นกรองแอร์ที่ทำเอง อย่างมากสุดไม่ควรเกินสามเดือนเปลี่ยนที(ในกรณีที่รถอยู่ในเมืองมากกว่านอกเมือง)  สำหรับกรองที่สำเร็จรูปผมยังไม่เคยลอง ถ้าใครมีโอกาสได้ลองก็มาเล่าสู่กันฟังได้ครับ และถ้าผมมีโอกาสได้ใช้กรองสำเร็จ ผมจะเอาผลการใช้งานมาฝากกันอีกทีครับ  :D

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว